ตัดเลเซอร์

การตัดด้วยเลเซอร์เป็นการสร้างลำแสงเลเซอร์โดยใช้สารกำเนิดเลเซอร์เป็นแก๊ส คือ CO2 Laser และใช้ระบบนำรังสี เป็นระบบกระจกเงา เครื่องตัดเลเซอร์สามารถตัดวัสดุได้หลายประเภท เช่น เหล็ก, สเตนเลส, อลูมิเนียม, ทองเหลือง, อะคริลิค ฯลฯ แต่ที่เหมาะมากคือ เหล็กและสเตนเลส เนื่องจากคุณสมบัติทางเนื้อวัสดุและพื้นผิว

ช่วงความหนาที่เหมาะสมกับงานตัดเลเซอร์ คือ ช่วงความหนาไม่มากนักประมาณตั้งแต่ช่วง 0.4 - 4 mm ช่วงนี้เป็นช่วงที่หัวเลเซอร์เดินได้ค่อนข้างเร็วและอัตราการสิ้นเปลืองแก๊สต่ำ ถ้าเป็นชิ้นงานที่หนาขึ้นไป ยิ่งหนาก็จะยิ่งสิ้นเปลืองแก๊สมากขึ้น เนื่องจากสองปัจจัยคือ 1. อัตราการใช้แก๊ส (ปริมาณแก๊สที่ใช้ต่อนาที) จะสูงขึ้นมาก (ที่ 3 mm กับ 10 mm ต่างกันประมาณ 10 เท่า) 2. ความเร็วที่หัวเดินก็จะช้าลงไปมาก (ตย. ตัด 3 mm ความเร็ว 4500 mm/min ตัด 10 mm ความเร็ว 900 mm/min) ทำให้การตัดชิ้นงานที่เส้นรอบรูปเท่ากัน แต่ความหนาต่างกันจะต่างกันค่อนข้างมาก

สำหรับขนาดของรูที่เล็กที่สุดที่ตัดได้ จะขึ้นอยู่กับความหนา เพราะอย่างน้อยที่สุดขนาดของรูจะต้องใหญ่กว่าขนาดรูที่ลำแสงเลเซอร์เจาะลงไปครั้งแรก ซึ่งขนาดของรูเจาะนี้นอกจากจะขึ้นอยู่กับความหนาแล้ว ยังขึ้นอยู่กับรุ่น, ยี่ห้อเครื่อง และ วัสดุที่นำมาใช้ตัดอีกด้วย เพื่อความแน่ใจก็ควรตรวจสอบกับผู้ให้บริการ แต่โดยทั่วไปแล้ว หากกล่าวถึงในส่วนของสเตนเลสเอง ที่ความหนาตั้งแต่ 0.4-5 mm รูขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-3 mm ก็ควรจะตัดได้อย่างไม่มีปัญหา

ความหนาสูงสุดที่เครื่องตัดเลเซอร์จะตัดได้นั้นขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์ของเครื่อง ส่วนใหญ่ขนาดเครื่องจะอยู่ที่ช่วง 2-5 kW ยิ่งกำลังมากก็ยิ่งตัดได้เร็วขึ้นและหนามากขึ้น เครื่องที่โรงงานผมเป็นขนาด 4 kW ความหนาสูงสุดที่ตัดได้จะอยู่ที่ 15 mm ล่าสุด มีกรผลิตเครื่องที่มีกำลังถึง 7 kw และตัดได้ถึง 25 mm อย่างไรก็ตาม ที่ช่วงความหนาที่ใกล้จะถึงขีดจำกัดของเครื่องนั้น ผิวบริเวณรอยตัดของชิ้นงานจะไม่เรียบสวยเหมือนการตัดชิ้นงานที่ความหนาน้อยกว่า ฉะนั้น ถ้าจำเป็นจะต้องใช้บริการตัดที่ความหนาประมาณนี้